ศิลปะวัฒนธรรมและประเพณีของจังหวัดเชียงราย
1.ประเพณีป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองหรือเทศกาลสงกรานต์
กำหนดให้มีตั้งแต่วันที่ 13-16 เมษายน
โดยการเนรมิตถนนเล่นน้ำกลางเมืองเชียงราย ภายในงานจะมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย
เช่น ทำบุญตักบาตรในช่วงเช้า สรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ ขนทรายเข้าวัด
สรงน้ำพ่อขุนเม็งรายมหาราช รดน้ำดำหัวผู้สูงอายุแต่ละชุมชน
ประกวดเทพีสงกรานต์ แข่งขันกีฬาพื้นบ้าน ขบวนแห่ ประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง
บนถนนเล่นน้ำคือ ถนนธนาลัย จะใช้เป็นถนนเพื่อการเล่นน้ำตลอดทั้งสาย
โดยเทศบาลได้ออกแบบอุโมงค์ที่มีสายน้ำใสสะอาดพุ่งออกมาจากทั้งสองฟากถนน
รวมทั้งติดตั้งระบบน้ำพุ
เพื่อสร้างสีสันบรรยากาศของความชุ่มฉ่ำของสายน้ำตลอดเทศกาล
พร้อมกันนี้ได้จัดให้มีพิธีรดน้ำดำหัวผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ
หัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ และผู้สูงอายุ
เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความเคารพนับถือและความเป็นสิริมงคลตามประเพณีที่ชาว
ล้านนาได้ปฏิบัติสืบต่อกันมา
ตลอดทั้งเป็นการ่วมสืบสานวัฒนธรรมอันดีให้กับชนรุ่นหลัง
2.ประเพณียี่เป็งลอยกระทง
จัดขึ้น ณ สนามฝึกนักศึกษาวิชาทหาร (สนาม รด.)
เชิงสะพานแม่ฟ้าหลวง ทุกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ของทุกปี โดยจะมีการจัดงาน
2 วัน ในวันแรกจะมีกิจกรรมลอยกระทงเล็ก การประกวดหนูน้อยนพมาศ
และวันต่อมาจะมีขบวนแห่กระทงที่ยิ่งใหญ่จากสวนตุง และโคมฯ ถนนธนาลัย
สู่สถานที่จัดงาน และ มีการประกวดนางนพมาศ ประกวดโคม ประกวดกระทง
พร้อมการแสดงบนเวทีอย่างตระการตา
3.โครงการจัดงานวัฒนธรรมสัมพันธ์ลุ่มน้ำโขง
(เพื่อส่งเสริมการค้าขายและการท่องเที่ยวของประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง)
จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี
เป็นการจัดงานเพื่อเชื่อมความสัมพันธไมตรีของประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
ได้แก่ ไทย ลาว จีน พม่า เวียดนาม และกัมพูชา
เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรม
ประเพณีระหว่างประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
ซึ่งจะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงรายและประเทศไทย
รวมทั้งเป็นการสานสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านให้แนบแน่น
เชื่อมโยงเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ เป็นการผูกมิตรไมตรีที่ดีต่อกัน
อันจะนำไปสู่การขยายฐานความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
ส่งผลดีในปัจจุบันและอนาคตทางด้านการค้า
การลงทุนการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวในประเทศลุ่มแม่น้ำโขง
จึงทำให้เป็นงานที่ยิ่งใหญ่และส่งผลดีต่อการพัฒนาประเทศ
จัดขึ้นราวปลายเดือนตุลาคมหรือต้นพฤศจิกายนของทุกปี
4.ประเพณีอัญเชิญพระพุทธรูปแวดเวียงเจียงฮาย
เป็นขบวนแห่พระคู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญๆ ของวัดต่างๆ
ประดิษฐานบนบุษบกแห่ให้ประชาชนสักการะบูชาโปรยข้าวตอกดอกไม้ในบ่ายวันที่ 31
ธันวาคมของทุกปี เพื่อเป็นศิริมงคลสำหรับเมืองเชียงราย
ส่งท้ายปีเก่าที่กำลังจะผ่านไปและรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง
แล้วตักบาตรในวันที่ 1 มกราคมตอนเช้ารับวันปีใหม่
ซึ่งมีพื้นฐานความคิดมาจากตำนานพระเจ้าเลียบโลก
ด้วยมีจุดมุ่งหมายให้ประชาชนได้มีโอกาสสักการะบูชาพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์
คู่บ้านคู่เมือง ซึ่งประดิษฐานอยู่ตามวัดวาอารามต่างๆ ในตัวเมืองเชียงราย
เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตในวาระของการส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่
โดยการอัญเชิญพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเชียงราย
มาประดิษฐานบนบุษบกที่ได้สร้างขึ้นโดยช่างศิลปินที่มีชื่อเสียงของจังหวัด
เชียงราย จัดเป็นขบวนอัญเชิญไปรอบเมืองเชียงราย
ให้พุทธศาสนิกชนได้มีโอกาสกราบไหว้สักการะบูชาด้วย ข้าวตอก ดอกไม้
จึงถือเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่เป็นสิริมงคลยิ่งนัก
5.เทศกาลวันเข้าพรรษา
วันเข้าพรรษาเป็นวันสำคัญวันหนึ่งในทางพระพุทธศาสนา
เมื่อถึงวันนี้แล้วพระภิกษุสามเณรจะต้องทำพิธีอธิษฐานพรรษา คือ
อธิษฐานเพื่ออยู่ประจำในวัดใดวัดหนึ่งที่ตนทำพิธีอธิษฐานนั้นตลอด 3
เดือนในฤดูฝน คือตั้งแต่แรม 11 ค่ำ เดือน 8 จนถึงขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11
เมื่อถึงวันเข้าพรรษา พุทธศาสนิกชนย่อมมีส่วนเกี่ยวข้อง
เพราะถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้บำเพ็ญบุญบำเพ็ญกุศลเป็นพิเศษ เช่น
การถวายผ้าอาบน้ำฝน การถวายจตุปัจจัยไทยธรรมและถวายเทียนพรรษา
ซึ่งถือว่าเป็นการถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชาระหว่างพรรษา
และเพื่อให้ความสว่างในเวลามีพิธีกรรมทางศาสนาในเวลากลางคืน
ดังนั้นจังหวัดเชียงรายมีความตระหนักและเห็นความสำคัญจึงได้ยึดเป็นนโยบาย
หลัก ในการสนับสนุนส่งเสริมขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่น
จึงได้จัดทำโครงการสืบสานประเพณีหล่อเทียนพรรษาขึ้น
และจัดขบวนเทียนพรรษาอย่างยิ่งใหญ่เป็นประจำทุกปี บริเวณสวนตุงและโคมฯ
ถนนธนาลัย
6.งานตานหาพญามังราย
เนื่องในวันที่ 26 มกราคม ของทุกปี
จะเป็นวันคล้ายวันที่พญามังราย หรือ พ่อขุนเม็งรายมหาราช
ได้ทรงสร้างเมืองเชียงรายไว้เมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ.1805
เทศบาลนครเชียงราย ได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน
จึงได้จัดพิธีบำเพ็ญกุศลสักการะดวงพระวิญญาณพ่อขุนเม็งรายมหาราชขึ้นในวัน
ที่ 25 มกราคม ของทุกปี ณ วัดดอยงำเมือง
ในงานมีกิจกรรมทางศาสนาจัดพิธีกรรมแบบล้านนา ซึ่งประกอบไปด้วย
พิธีสักการะบูชาพระสถูป การสืบชะตาเมือง การทำบุญเมือง
และการจัดกิจกรรมสมโภชเมือง อาทิ การฟ้อนเล็บ การฟ้อนดาบ
และการตีกลองสะบัดชัย เพื่อถวายแด่องค์พ่อขุนเม็งรายมหาราช
อีกทั้งยังเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวที
และการเคารพต่อดวงพระวิญญาณของพระองค์ท่าน โดยพี่น้องชาวเชียงราย
และพี่น้องชุมชนในเขตเทศบาลจะเข้าร่วมในพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้ด้วยการ
นำพานพุ่ม หรือพานดอกไม้เครื่องบูชาสักการะ
ถวายดวงพระวิญญาณพ่อขุนเม็งรายมหาราช
เพื่อความร่มเย็นของเมืองเชียงรายและความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตอีกด้วย
นอกจากพิธีดังกล่าวแล้ว ในช่วงปลายเดือนมกราคมของทุกปี
จังหวัดเชียงรายร่วมกับองค์กรต่าง ๆ
ทั้งภาครัฐและเอกชนจะมีการร่วมกันจัดงานกาชาดประจำปีของจังหวัดเชียงรายหรือ
ที่นิยมเรียกกันว่า "งานพ่อขุนเม็งรายมหาราช"
ซึ่งจัดขึ้นประมาณปลายเดือนมกราคมของทุกปี
ภายในงานจะมีการออกร้านจัดนิทรรศการของส่วนราชการและเอกชน งานรื่นเริงต่าง ๆ
การจัดจำหน่ายสินค้า อาหาร และข้าวของเครื่องใช้
ซึ่งสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของหวัดเชียงรายได้
เป็นอย่างดี
7.งานปีใหม่เคาท์ดาวน์หอนาฬิกา
มหกรรมงานวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
ร่วมนับถอยหลัง(เค้าท์ดาวน์) เพื่อเข้าสู่ปีใหม่พร้อมกัน ณ
บริเวณหอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติ ถนนบรรพปราการ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย
ภายในงานมีการเปิดการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม การแสดงของวงดนตรี
และสลับการแสดงของชุมชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา
จากชุมชนและสถาบันการศึกษาในเขตเทศบาลฯ การแสดงกลองบูชาและกลองยาว
การแสดงกลองสะบัดชัย โดยจุดนับถอยหลังส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
มีการจุดพลุเฉลิมฉลอง
และการปล่อยโคมไฟเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว
มีฉากหลังเป็นหอนาฬิกาที่สุดอลังการให้นักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศได้
ชื่นชมความงดงามโดยงานเริ่มตั้งแต่เวลา 17.00 น. ของวันที่ 31 ธันวาคม
เป็นต้นไป
8.งานประเพณีแห่โคมไฟไหดอก
จัดขึ้นเนื่องในวันมาฆบูชา ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3
ซึ่งถือได้ว่าเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาและเป็นวันที่เกิดเหตุอัศจรรย์
ขึ้นหลายประการ คือ พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า จำนวน 1,250 รูป
มาเฝ้าพระพุทธเจ้าโดยมิได้นัดหมายกันมาก่อนซึ่งพระสงฆ์ทั้งหมดล้วนแล้วแต่
เป็นพระอรหันต์ที่พระพุทธเจ้าอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า
และในวันมาฆบูชานี้พระพุทธเจ้าได้แสดงพระโอวาทปาติโมกข์ในที่ประชุมสงฆ์
เนื้อหาโดยสรุปคือ ให้ละเว้นความชั่วทุกชนิด ทำความดี
และทำจิตใจให้ผ่องใส และเมื่อวันมาฆบูชาได้เวียนมาบรรจบครบรอบทุกปี
เทศบาลนครเชียงรายร่วมกับคณะสงฆ์จังหวัดเชียงรายจึงได้
จัดงานประเพณีแห่โคมไฟ ไหดอก
ขึ้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและเพื่อให้พุทธศาสนิกชนร่วมกันสร้างบุญกุศลสืบ
ทอดพระพุทธศาสนาต่อไป
9.งานประเพณีตักบาตรเป็งปุ๊ด(ตักบาตรเที่ยงคืน)
ในครั้งอดีตเมื่อใกล้เวลาประมาณเที่ยงคืน ในคืนวันพุธ ขึ้น 15
ค่ำ จะมีประชาชนจำนวนมากมาร่วมทำบุญตักบาตรพระภิกษุสงฆ์ สามเณร
ภายในเขตเทศบาลนครเชียงราย ตามถนนสายต่าง ๆ จำนวนหลายร้อยรูป
โดยเรียกวันดังกล่าวว่า "วันเป็งปุ๊ด" และมีประวัติ
ความเป็นมาสืบเนื่องมาจากความเชื่อที่ว่า
พระมหาอุปคุตซึ่งเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งที่มีมหาอิทธิฤทธิ์สามารถดลบันดาล
โชคลาภวาสนาได้ออกจากการเข้าฌานสมาบัติที่ใต้สะดือทะเลแล้วแปลงกายเป็น
สามเณรน้อยออกมาโปรดสัตว์โลกเชื่อกันว่าหากผู้ใดได้ทำบุญตักบาตรพระมหาอุป
คุตแล้วบุคคลนั้นถือว่าเป็นผู้มีบุญ
จะมีโชคลาภวาสนาร่ำรวยเป็นเศรษฐีและบังเกิดความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
ซึ่งประเพณีการตักบาตรเที่ยงคืนวันเป็งปุ๊ด
ถือเป็นประเพณีล้านนาที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาช้านาน
เพราะว่าแต่ละปีอาจมีวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ ที่ตรงกับวันพุธ เพียงแค่ 1
ครั้ง หรือ 2 ครั้งเท่านั้น
หลายคนจึงเฝ้ารอที่จะมาทำบุญตักบาตรในวันดังกล่าว
เทศบาลนครเชียงรายจึงได้จัดงานประเพณีตักบาตรวันเป็งปุ๊ดเพื่อให้คงอยู่คู่
วัฒนธรรมล้านนาของชาวเชียงรายสืบไป
10.ประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะ
คือ การทำบุญตักบาตร ในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11
เนื่องในโอกาสที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากเทวโลก คำว่า เทโว ย่อมาจากคำว่า
เทโวโรหนะ ซึ่งแปลว่า การเสด็จลงจากเทวโลก ความเดิมมีว่าในพรรษาที่ 7
นับแต่วันตรัสรู้พระพุทธเจ้าเสด็จไปจำพรรษาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อ
เทศน์โปรดพระพุทธมารดา จนบรรลุโสดาปัตติผล ครั้นออกพรรษาในวันขึ้น 15 ค่ำ
เดือน 11 แล้วจึงเสด็จลงจากเทวโลกที่เมืองสังกัสสะนคร
ในกาลที่เสด็จลงจากเทวโลก ได้มีเนินเป็นอันเดียวกันจนถึงพรหมโลก
เมื่อทรงแลดูข้างล่าง สถานที่นั้นก็มีเนินอันเดียวกันจนถึงอเวจีมหานรก
ทรงแลดูทิศใหญ่และทิศเฉียง จักรวาลหลายแสนก็มีเนินเป็นอันเดียวกัน
เทวดาก็เห็นพวกมนุษย์ แม้พวกมนุษย์ก็เห็นเทวดา
สัตว์นรกก็เห็นมนุษย์และเทวดา ต่างก็เห็นกันเฉพาะหน้าทีเดียว ลำดับนั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงเปล่งฉัพพรรณรังสีขณะที่พระองค์เสด็จลงมาจากสวรรค์
ชั้นดาวดึงส์ รุ่งขึ้นวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11
ชาวเมืองจึงพากันทำบุญตักบาตรเป็นการใหญ่เพราะไม่ได้เห็นพระ
พุทธเจ้ามาถึง 3 เดือน การทำบุญตักบาตรในวันนั้นจึงได้ชื่อว่า
ตักบาตรเทวโรหนะ ต่อมามีการเรียกกร่อนไปเหลือเพียง ตักบาตรเทโว
เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นและเพื่อเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีที่
ดีงามให้คงอยู่ เทศบาลนครเชียงรายจึงได้จัดงานประเพณี "ตักบาตรเทโว" เพื่อสืบทอดและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาเป็นประจำทุกปี
แหล่งข้อมูล http://www.chiangraicity.go.th/content.php?content_id=36
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น